ประวัติการปลูกอ้อยในไทย
นำเข้าจากต่างประเทศ (~ 1,000 ปี) |
2450-2501 ชลบุรี (มี พ.ท.ปลูก~ 53,000 ไร่) |
มีการทำน้ำตาลในสมัยกรุงสุโขทัย (โดยชาวจีน)
|
2470 ผลิตน้ำตาลทรายขาวปี |
ผลิตน้ำตาลทรายแดงในรัชสมัยร.3 ร.4 (นครไชยศรี จ.นครปฐม) |
2478 ภาคเหนือ (เกาะคา จ.ลำปาง) |
พ.ศ. 2365 ส่งออกน้ำตาล ~ 5,000 ตัน |
ปัจจุบันมีโรงงานน้ำตาล > โรง ผลิตได้ > ตัน/ปี |
สภาพดินฟ้าอากาศ
ภูมิอากาศ เขตร้อน Lat. 35 องศา เหนือและใต้ |
ช่วงเก็บเกี่ยว (4-6 สัปดาห์) cool and dry |
แสงแดด ต้องการแสงมาก |
อายุ 7 เดือนแรก long warm summer |
ดิน หน้าดินลึก > 50 ซ.ม.เนื้อ ดิร่วนปนทราย - ร่วนปนทราย |
อุณหภูมิ < 21 องศา ซ. จะชงักการเจริญเติบโต |
ฝน 1,000 - 1,500 ม.ม./ปี |
ช่วงแสง short day plant (พัฒนาช่อดอก~10 สัปดาห์) |
อุณหภูมิเฉลิ่ย ~ 30 องศา ซ. |
ลม มีผลต่อการสังเคราะห์แสงและการคายน้ำ |
การเจริญเติบโตของอ้อย
แบ่งออกเป็น 4 ระยะใหญ่ๆ
- อ้อยเริ่มงอก (Emergence) 2-3 สัปดาห์แรกหลังปลูก หน่อโผล่พ้นดิน
- เริ่มแตกกอ (Tillering) 1 เดือนหลังปลูกและแตกกอ สูงสุด~ 2.5 - 4 เดือน
- ย่างปล้อง (Stem elongation) 3- 4 เดือนหลังปลูกและ 7 - 8 เดือน boom stage
- สุกแก่ (Maturity) 9 - 12 เดือนหลังปลูก
การสร้างน้ำตาลของอ้อย
- สร้างน้ำตาล glucose จากการสังเคราะห์แสงแบบ C4- pathway
- สังเคราะห์น้ำตาล sucrose จาก
- glucose + fructose = sucrose
C6H12O6 C6H12O6 C12H22O11 + H2O
- ประสิทธิภาพ : สร้างน้ำตาล 1 ช้อน ในเวลา 36 ช.ม./พ.ท.ใบ 57 ต.ร. ซ.ม.
- อ้อยสร้างน้ำตาลจากส่วนโคนไปหายอด
การออกดอกของอ้อย
- ออกดอก~ 8 -10 เดือนหลังจากปลูกในสภาพช่วงแสงสั้น (short day plant)
- ใช้เวลา ~ 20 -30 วันจากเกิดตาดอกถึงช่อดอกโผล่
- เมื่ออ้อยออกดอกจะชงักการเจริญเติบโตทางลำต้นและยับยั้ง apical dominance ตาข้างเจริญเป็นแขนง การสร้างน้ำตาลลดลง
- เกิดใส้ในลำต้น เพิ่มเยื่อใย น้ำหนักลดลง
พันธุ์อ้อย
- ก่อนปี 2529 ใช้พันธุ์จากต่างประเทศ เช่น Q 83, F 156, F 140 ฯลฯ
- หลังปี 2529 ใช้พันธุ์จากในประเทศ เช่น พันธุ์อู่ทอง1 พันธุ์ K 84-200
- พันธุ์รับรองจากกรมวิชาการเกษตร
- ปี 2526 พันธุ์ ชัยนาท 1
- ปี 2529 พันธุ์ อู่ทอง 1
- ปี 2536 พันธุ์ อู่ทอง 2
- ปี 2541 พันธุ์ อู่ทอง 3
- ปี 2543 พันธุ์ อู่ทอง 4
ความต้องการธาตุอาหารของอ้อย
Nitrogen
- ต้องการสม่ำเสมอยกเว้นเมื่อใกล้เก็บเกี่ยว
- ถ้าขาด ลำต้นเล็ก น้ำหนักน้อย ความหวานลดลง
- อ้อยปลูกตอบสนองได้ดีกว่าอ้อยตอ
- แนะนำ ใส่ 8-12 ก.ก. N/ร่ (อ้อยปลูก, ชลประทาน) และ 12-24 ก.ก. N/ไร่ (อ้อยตอ, ชลประทาน)
Phosphorus
- พบในเนื้อเยื่อเจริญ
- ใช้ในการเจริญเติบโตของราก การแตกหน่อ
- ถ้าขาด รากจะเล็กและแตกแขนงน้อย หน่ออ่อนตาย
- อ้อยตอบสนองเมื่อมี P2O5 อยู่ในช่วง 6 - 10 ก.ก. /ไร่
Potassium
- ช่วยในการสังเคราะห์แสง เคลื่อนย้ายน้ำตาล ให้คุณภาพน้ำตาลดี
- ขาดแล้วลำต้นแคระแกรน
- อาการใบแก่มีจุดสีเหลืองส้มถึงสีน้ำตาลและแห้งตาย จากปลายใบสู่แกนกลางแกนใบและมีสีแดง
- ดินเหนียวและร่วนเหนียวภาคกลางแนะนำใส่ 5-10 ก.ก. K2O/ไร่ ภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือใส่ 15-20 ก.ก. K2O/ไร่
การพิจารณาใส่ปุ๋ยแก่อ้อย
- พิจารณาจากอาการขาดธาตุอาหาร (ต้องชำนาญ)
- วิเคราะห์ส่วนต่างๆของอ้อย
- การทำ Crop logging
- การทำ Stalk logging
- วิธี Jamaica method
- การวิเคราะห์ดิน
- จากผลการทดลองปุ๋ย
การผลิตอ้อย
ฤดูปลูก | เดือน | แหล่งปลูก | อายุอ้อยเมื่อตัด |
ต้นฤดูฝน |
พ.ค. - ก.ค.
|
ภาคกลาง |
8 - 10 เดือน |
ปลายฝน |
พ.ย. - ม.ค.
|
ภาคตะวันออก |
~12 เดือน |
ต.ค. - ธ.ค.
|
ภาคตะวันออกฉ.เหนือ
|
~12 เดือน |
ฤดูแล้ง |
ก.พ. - เม.ษ.
|
พื้นที่ชลประทาน |
8 - 12 เดือน
|
การเตรียมดิน
เตรียมดินดี ปลูก 1 ครั้ง ไว้ตอ เก็บเกี่ยวได้ถึง 3-4 ครั้ง ปัจจุบัน มีการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรติดตั้งกับรถไถ ปฏิบัติการตั้งแต่การพรวนสับเศษซากอ้อย ปรับหน้าดินให้เรียบ ไถระเบิดดินดาน (กรณีที่มี) ไถบุกเบิก (กรณีพื้นที่ใช้ไถแบบจาน 3-4 ผาล และไถแบบจานเหลี่ยมหรือหัวหมูกับพื้นที่ที่ปรับปรุงแล้ว พรวนดินและยกร่อง ระยะ~ 1.4-1.5 เมตร ใส่ปุ๋ยรองพื้น สูตรสมบูรณ์ เช่น 15-15-15, 14-9-0, 16-11-14 เป็นต้น อัตรา 50-100 ก.ก. /ไร่ (ขึ้นอยู่กับดิน)
การเตรียมท่อนพันธุ์
- เลือกท่อนพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ จากแปลงที่มีความสม่ำเสมอตรงตามพันธุ์ อายุประมาณ 8 เดือน
- ปราศจากโรคและแมลง ป้องกันโดยชุบน้ำร้อน 50 ๐ ซ. 2 ช.ม. หรือ 52๐ ซ. 1/2 ช.ม. ( กันโรคใบด่าง โรคตอแคระแกรน โรคกลิ่นสัปปะรด โรคใบขาว โรคกอตะไคร้ )
- ใช้ปุ๋ย N อัตรา 10-20 N/ไร่ ก่อนตัดช่วยให้อ้อยงอกดีและ ทำให้หน่ออ้อยแข็งแรง
- ท่อนพันธุ์ที่มีการขนส่ง ไม่ควรลอกกาบใบ
- อ้อยจากแปลง 1ไร่ (อายุ 7-8 เดือน) ปลูกขยายได้ 10 ไร่
การปลูก
การวางท่อนพันธุ์ห่าง ระหว่างจาก จุดกลางท่อน ~ 5 ซ.ม. หน้าฝนกลบตื้น ~ 2.5 ซ.ม. หน้าแล้งกลบ ~ 5 ซ.ม ที่ชื้นแฉะควรปักเฉียง ~ 45 ๐
การปฏิบัติดูแลรักษา
การให้น้ำ
- ต้องการน้ำสม่ำเสมอ ยกเว้นก่อนการเก็บเกี่ยว
- อ้อยไม่ชอบน้ำขัง วัชพืชขึ้นง่าย CCS ต่ำ
การกำจัดวัชพืช
มีผลต่อการเจริญเติบโตโดยเฉพาะเมื่ออ้อยอายุ 1-2 เดือน กำจัดโดย
- เขตกรรม
- ปลูกพืชแซม
- ใช้ไฟเผา (หลังเก็บเกี่ยว)
- ใช้วัสดุคลุมดิน
- ใช้สารเคมี
การปลูกซ่อม
ทำภายใน 2-3 สัปดาห์
การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 (ปุ๋ยแต่งหน้า)
เมื่ออ้อยอายุ ~ 2 เดือน (เริ่มย่างปล้อง) ใช้ปุ๋ย N อย่างเดียว เช่น Urea 46% อัตรา50-100 ก.ก./ไร่ บางแห่ง (ชลบุรี) มีการพูนโคนเรียกว่า “ทำป๋วย”
การบำรุงอ้อยตอ
อ้อยปลูก (plant cane) สามารถไว้ตอเก็บเกี่ยวเป็น อ้อยตอ (ratoon cane) ได้ถึง 2-3 ครั้ง มีวิธีบำรุง เช่นต่อไปนี้
- ไม่เผาอ้อยหลังเก็บเกี่ยว คราดเอาใบกองระหว่างแถว
- ถากส่วนเหนือดินให้ชิดดิน (ควรให้หน่อจะเกิดจากกอใต้ดิน)
- ใช้ไถสิ่ว (ripper) ลงระหว่างแถว ตามด้วยจอบหมุนตีดิน
- ใส่ปุ๋ยตอนลง ripper สูตรสมบูรณ์ เช่น 15-15-15, 16-11-4, 14-9-20, 14-14-21 ฯลฯ อัตรา 100-200 ก.ก/ไร่ (อัตราใส่มากกว่าอ้อยปลูก)
- การบำรุงตอให้ทำทันทีหลังเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวอ้อย
- การปลูกอ้อยต้องมีการวางแผนให้สัมพันธ์กับโรงงานหีบอ้อย (ช่วงอ้อยแก่ ~ เดือน พ.ย.-เม.ย.) โดยทั่วไปปฏิบัติดังนี้
- ควรมีโควต้าจากโรงงาน
- ไม่ควรอยู่ห่างจากโรงงาน 50 ก.ม. (เขตอนุญาตของกระทรวงเกษตรฯ)
- เลือกพันธุ์อ้อยให้พอดีกับรอบการตัด (crop cycle) เหลื่อมการ ปลูกและทะยอยตัดเป็นแปลงๆ
- ตัดตอนอ้อยแก่เต็มที่ก่อนอ้อยออกดอก (มีข้อสังเกตคือ ใบที่ยอดจะเรียง ชิดติดกัน ใบสีเขียวอมเหลืองคล้ายขาดธาตุ N)
- ก่อนตัดควรวิเคราะห์น้ำตาล ซูโครส ความหวานใกล้เคียงทั้งลำ
- อากาศที่หนาวแห้งและมี N น้อย อ้อยจะสุกเร็วขึ้น
- ควรงดการให้น้ำ 1 เดือน ก่อนการเก็บเกี่ยว
การตัดอ้อย
- ก่อนตัดควรริดใบออกแล้วตัดด้วยมีดหรือจอบให้ชิดดิน
- ไม่ควรเผาอ้อยก่อนตัดถ้าไม่จำเป็น
- ตัดยอดจากจุดหักธรรมชาติ
- ตัดแล้วต้องรีบส่งโรงงาน
การทิ้งเวลาก่อนเข้าโรงงานนานเกินไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของอ้อยคือ น้ำตาลซูโครส เปลี่ยนเป็น กรดอินทรีย์ (lactic) โดย bacteria : Lactobacillus, Leuconostic, Bacillus ปลดปล่อยสาร dextran ออกมา
การซื้อขายอ้อย
มี 2 ระบบ
ศัตรูอ้อย
- โรค : เกิดจากเชื้อรา ไวรัส เช่น โรคเหนี่ยวเน่าแดง โรคแส้ดำ โรคใบขาว โรคกอตะไคร้ โรคใบขีดและยอดเน่า โรคเน่าคอดิน โรคกลิ่นสับปะรด โรคลำต้นเน่า โรคเหี่ยว
- แมลง : แมลงหวี่ขาว หนอนกอลายจุดเล็ก หนอนกอลายจุดใหญ่ หนอนกอสีขาว หนอนกอสีชมพู เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้งสีชมพู เพลี้ยสำลี เพลี้ยกระโดดดำ เพลี้ยกระโดด ด้วงกินราก ตั๊กแตน ปลวก ด้วงหนวดยาว ด้วงขี้ควาย
- วัชพืช : หญ้าตีนกา หญ้าตีนกาใหญ่ หญ้านกสีชมพู หญ้าตีนนก หญ้าโขมง แห้วหมู หญ้าตีนติด ผักโขมหนาม สาบแร้งสาบกา ผักยาง ผักโขมธรรมดา น้ำนมราชสีห์ กะเพราผี
|